วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

สาระ ล่ำซำ เลิกบุหรี่เพราะ...ผ้าเหลือง

สาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด และนายกสมาคมประกันชีวิตไทย เป็นทายาทรุ่นที่ ๓ ของตระกูล “ล่ำซำ” และถือว่าเป็นผู้บริหารที่มีบทบาทสูงมากในเมืองไทยประกันชีวิต

ตั้งแต่ที่เขาได้เริ่มเข้ามาทำงาน เมื่อปี ๒๕๓๖ รวมทั้งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการ Re-Engineering องค์กรเมืองไทยประกันชีวิตครั้งใหญ่ เมื่อปี ๒๕๔๐ โดยการนำนวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในธุรกิจประกันชีวิต

แม้ว่าจะเป็นนักเรียนนอก มีแนวความคิดในการบริหารจัดการธุรกิจแบบตะวันตก แต่ปรัชญาในการดำเนินชีวิตที่นายสาระยังยึดปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณี ไทยอย่างเหนียวแน่น เหมือนชายไทยคนอื่นๆ คือ การบวชเพื่อทดแทนคุณ พ่อแม่

เพราะเมื่อบวชเข้าไปแล้ว ต้องรู้จักรักษา กฎระเบียบต่างๆ ในการใช้ชีวิตเยี่ยงพระหรือนักบวช ต้องเรียนรู้หลักธรรมของพุทธศาสนา ต้องเรียนและฝึกการประพฤติตนในทางที่ชอบ ต้องฝึกระงับตนไม่ให้เดินไปในทางที่ผิด ทั้งทางกาย วาจา รวมทั้งใจ ซึ่งเป็นวิธีการฝึกคนให้เป็นคนดีนั่นเอง และเป็นสิ่งที่เขาภูมิใจซึ่งเป็นผลจากการบวช คือ สามารถเลิกบุหรี่ลงได้อย่างเด็ดขาด

นายสาระ เล่าว่า สมัยเรียนจบมาใหม่ๆ แม่ก็อยากให้บวชในฐานะที่เป็นลูกผู้ชาย โดยใช้ระยะเวลาในการบวชเพียง ๑๕ วัน เท่านั้น

ตรงนี้ขอพูดอย่างไม่อายว่า สวดมนต์อะไรก็ยังไม่ได้สักอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่ดีใจและภูมิใจอย่างมากคือ สามารถเลิกบุหรี่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะสมัยเป็นนักศึกษา สูบบุหรี่วันละ ๒ ซอง และวันหนึ่งเรามาบวชเป็นพระ กลับเลิกได้ เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลย

สาเหตุที่เลิกบุหรี่ได้ เกิดจากท่านเจ้าคุณวัดธาตุทองสมัยนั้น ให้ข้อคิดหลักธรรมบางอย่าง จนทำให้เลิกบุหรี่ลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ จากวันที่เลิกบุหรี่มาถึงวันนี้ เป็นเวลากว่า ๑๕ ปีแล้ว ซึ่งตามความจริงไม่ได้ศึกษาธรรมะอย่างจริงจัง ถามว่ามาสนใจธรรมะนั้น เนื่องจากธุรกิจประกันภัยหรือธุรกิจประกันชีวิตแข่งขันกันค่อนข้างสูง ประกอบกับอยากให้ธุรกิจประกันชีวิตของเมืองไทยประกันชีวิตเติบโต

แต่พอเดินทางกลับถึงบ้าน สำรวจพบว่า จิตใจเราก็เกิดอาการอ่อนล้า ตรงจุดนี้จึงนำตัวเองหันหน้าเข้าหาธรรม บางครั้งก็ได้สนทนาธรรมกับพระอาจารย์หลายๆ รูปที่รู้จักก็จะสบายใจ

"หลายสิ่งหลายอย่างที่มีความรู้สึกไม่สบายใจ ก็จะเล่าให้พระอาจารย์ท่านฟัง แล้วท่านก็จะให้ข้อคิดทางธรรมกลับมาให้เรา เพื่อจะได้นำกลับมาคิดในการทำงานเกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผมมีความเชื่อว่าทำดียังไงเราก็ต้องได้ดี แต่ไม่ใช่ว่าเราต้องไปหวังอะไรมาก ผมบอกตรงๆ ว่าสิ่งที่ผมได้ช่วยใครไปใจผมก็มีความสุข หรือถ้าวันไหนไปทำให้ใครเดือดร้อน ผมจะมีความรู้สึกไม่สบายใจมาก ฉะนั้น ดีที่สุดเราอย่าไปเบียดเบียนใครก็พอ และความสุขก็จะเกิดขึ้นกับจิตใจ" นี่เป็นความสุขที่เห็นสัจธรรมชีวิต

สำหรับพระเครื่องที่นายกสมาคมประกันชีวิตไทย แขวนติดตัวประจำ ได้แก่ พระทุ่งเศรษฐี พิมพ์กำแพงเขย่ง เป็นองค์พระที่คุณยายให้เอาไว้ก่อนที่จะเดินทาง ไปเรียนยังประเทศสหรัฐ อเมริกา ส่วนอีกสององค์จะได้มาจากผู้ใหญ่ คือ พระรอด ลำพูน พระหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ถือเป็นพระที่เก่าแก่มาก และยังมีเครื่องรางบางอย่างที่คุณแม่ได้ให้เก็บไว้ติดตัว

ส่วนความเชื่อในเรื่องของพุทธคุณขององค์พระนั้น สาระ บอกว่า มีความเชื่อว่า คนเราที่เรียกกันว่ามีบุญกรรมในชาติที่แล้ว หรือชาติไหนก็ตาม เคยทำอะไรไว้หากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วประมาณ ๓๓ เปอร์เซ็นต์ อีก ๓๓ เปอร์เซ็นต์จากร้อยก็จะเป็นเรื่องของการทำบุญทำทาน และอีก ๓๓ เปอร์เซ็นต์ที่เหลือตรงนี้คงมาจากการกระทำของเรา ทำให้มีความเชื่อเกี่ยวกับพระเครื่องว่าเป็นที่พึ่งทางจิตใจ

บางครั้งทำงานเหนื่อยอ่อนล้า กลับมาจะมานั่งสมาธิ ด้วยการจับพระเครื่องที่แขวนติดตัว พร้อมกับสวดมนต์ไปเรื่อยๆ อย่างน้อยก็ทำให้จิตใจเรานิ่งสงบ มีสมาธิ เมื่อจิตเรานิ่งก็สามารถที่จะคิดทำอะไรได้อย่างรอบครอบ

ตรงนี้ก็คงเป็นหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่เหลือจากร้อยนั่นเอง ยิ่งทุกวันนี้มีอาการปวดหัวแบบ ไมเกรน พอนั่งสมาธิเพียงสามหรือห้านาทีในห้องพระ นั่งนับลมหายใจ ก็รู้สึกว่าจิตใจสงบ อาการที่ว่ามันก็บรรเทาลงเหมือนมีพลังบางอย่าง

"เขาบอกว่าคนเราทำบุญทำทาน ผมพยายามทำความเข้าใจว่าบุญคืออะไร เมื่อก่อนจะทำทานน้อยมาก เขาบอกว่าไม่ว่าเราจะเดินเจอใคร ให้ไปแล้วอย่าไปคิดว่าเขาไปเอาไปทำอะไร ซึ่งผมเคยคิดว่า ถ้าบางคนแกล้งไม่สบายเพื่อมาขอทานได้เงินพอเราให้ไปเราก็ รู้สึกไม่ดี แต่มีพระอาจารย์ท่านหนึ่งท่านเทศน์ว่า จริงๆ แล้วทำทาน เราให้ไปแล้วเขาจะเอาไปทำอะไรก็ช่างเขา ถ้าเราเอากลับมาคิดก็จะเป็นอกุศลทันที พอได้ทำตามพระอาจารย์ให้ทานแบบไม่ต้องคิดมันก็สบายใจ" นายสาระ กล่างทิ้งท้าย

แหล่งที่มาข้อมูล http://www.amulet.in.th/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น